ริดสีดวงภายใน คืออะไร

ริดสีดวงเป็นโรคที่ทุกคนมีโอกาสเป็นได้เท่าๆ กัน หากทำพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรค ซึ่งสาเหตุก็เกิดได้จากหลายปัจจัย แต่ที่เป็นสาเหตุหลักเลยก็คือ เกิดจากอาการท้องผูกนั่นเอง ใครที่ไม่ขับถ่ายทุกวัน ปล่อยไว้นานๆ เวลาขับถ่ายจะทำให้เกิดการบาดเจ็บ เป็นแผล และเป็นริดสีดวงในที่สุด สำหรับโรคริดสีดวงนั้นจะแบ่งออกเป็นได้สองชนิด นั่นก็คือ ริดสีดวง ภายใน กับริดสีดวงภายนอก

โดยปัจจัยที่เป็นสาเหตุของการเกิดริดสีดวงก็มาจากสาเหตุเดียวกันนั่นเอง ฉะนั้นเราจะมารู้จักกับโรคริดสีดวงภายในกันก่อนว่ามีอาการอย่างไรบ้าง เพราะเป็นริดสีดวงที่เราสังเกตได้ยากกว่า

โรคริดสีดวงภายใน เป็นอย่างไร

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดริดสีดวงภายใน ก็มาจากการที่เส้นเลือดตรงบริเวณทวารเกิดการบวมโป่งขึ้น ทำให้มีลักษณะเป็นเหมือนกับก้อนเนื้อติดอยู่บริเวณนั้น โดยในระยะที่เริ่มเป็นจะสังเกตไม่เห็นหัวของริดสีดวงเลย จะมีแค่อาการที่จะสังเกตได้ ถ้าจะให้ชัดเจนต้องตรวจด้วยกล้องส่องเท่านั้น จากแพทย์ในโรงพยาบาล สำหรับอาการของริดสีดวงภายใน จะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังต่อไปนี้คือ

  • ระยะที่ 1 เป็นระยะที่เริ่มมีหัวริดสีดวง แต่ยังเป็นขนาดเล็กอยู่ทำให้มองไม่เห็นหรือก้อนเนื้อยังไม่ยื่นออกมา แต่จะมีอาการให้สังเกตก็คือ จะมีเลือดออกขณะที่ขับถ่าย
  • ระยะที่ 2 เป็นระยะที่หัวของริดสีดวงเริ่มโผล่ออกมาบ้าง โดยเฉพาะในช่วงที่ขับถ่าย แล้วจะกลับเข้าไปเมื่อขับถ่ายเสร็จ และจะมีเลือดปนออกมาบ้าง หรือบางครั้งก็รู้สสึกเจ็บเวลาที่ขับถ่าย
  • ระยะที่ 3 เป็นระยะที่หัว ริดสีดวง ภายใน มีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น จนเวลาที่ขับถ่ายแล้วก้อนเนื้อไม่สามารถหลับเข้าไปได้เอง ต้องเอานิ้วดันกลับคืน จะมีการเจ็บบ้างเป็นระยะ
  • ระยะที่ 4 เป็นระยะที่โรคริดสีดวงโตเต็มที่ อาจจะมีขนาดถึง 2 เซนติเมตร และในระยะที่จะไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้แล้ว จะอยู่ภายนอกทวารเหมือนกับริดสีดวงภายนอกเลย ผู้ที่ป่วยมักมีอาการเจ็บปวดตรงบริเวรที่เป็นด้วย คนที่เป็นริดสีดวงระยะนี้ ต้องรีบทำการรักษาโดยด่วน
Man sit on a chair with cactus. Hemorrhoids

เมื่อเป็นริดสีดวง ควรทำอย่างไร

  • เปลี่ยนวิธีการขับถ่าย ขั้นแรกต้องเปลี่ยนเวลาการขับถ่ายของตัวเองก่อน ให้หันมาขับถ่ายทุกวันให้เป็นเวลา โดยเฉพาะการขับถ่ายในช่วงเช้าจะสำคัญที่สุด ในระยะแรกอาจจะฝืนหน่อย แต่พอทำนานเข้าจะเป็นนิสัยเอง
  • เลือกรับประทานอาหารให้เป็น อาหารก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดการท้องผูกได้เช่นกัน และนำไปสู่การเกิดโรคริดสีดวง ดังนั้นผู้ที่เป็นริดสีดวงจึงต้องเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหาร โดยเน้นการรับประทานอาการที่มีกากใยเยอะ จะช่วยให้การขับถ่ายง่ายขึ้น
  • ตรวจรักษาทันที หากคุณพบเห็นอาการผิดปรกติในร่างกาย เช่นการถ่ายเป็นเลือก ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อทำการตรวจ หากรู้ว่าเป็นตั้งแต่ระยะที่ 1 การรักษาก็จะง่าย ไม่ต้องใช้เวลานาน หากปล่อยเอาไว้นานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งรักษายากเท่านั้น

ตอนนี้เราก็ได้รู้จักเกี่ยวกับ ริดสีดวง ภายใน กับพอสมควรแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้หากยังไม่เป็นในตอนนี้ก็คือ ให้หาวิธีป้องกันด้วยการรับประทานอาหาร และการหมั่นขับถ่ายอยู่เสมอ จะช่วยให้คุณห่างไกลจากการเป็นโรคริดสีดวงได้ด